สนาม: สถานีโทรทัศน์เฮยหลงเจียง
บทนำ:ในคลิปนี้ อดีตนายกทักษิณฯ ตอบคำถามแบบเข้าไปนั่งในหัวใจคน มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง พยายามช่วยเหลือคนจนให้คอพ้นน้ำ สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนยากคนจน ยึดหลักเมื่อเศรษฐกิจฐานรากมีกำลังซื้อ มีตัวเงินหมุนเวียน เศรษฐกิจโดยรวมก็จะดีขึ้น...
สนาม: Shunan Online
บทนำ: บูมพาพ่อแม่เข้ากองปราบฯ รับทราบข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ให้การปฏิเสธ ยันเงิน 90 ล้านที่ลูกชายคนโตโอนให้ เป็นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจของครอบครัว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อดีตนักแสดง ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ได้พานายวิสิทธิ์ และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต พ่อและแม่ เข้าพบ พตทสัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกกสอบสวน กก1 บกป หลังถูกออกหมายเรียกในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน คดีหลอกนักลงทุนชาวฟินแลนด์ร่วมลงทุนในสกุลเงินบิตคอยน์ มูลค่ากว่า 797 ล้านบาท หลังตำรวจพบเส้นทางการเงินว่าพ่อและแม่ของบูมรับโอนเงินจากนายปริญญา จารวิจิต ลูกชายคนโต จำนวน 90 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงนายอาร์นี ออตตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง นายจิรัชพิสิษฐ์เปิดเผยว่า พ่อและแม่ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเงินที่ได้รับโอนจากนายปริญญา จารวิจิต ลูกชายคนโต ได้มาจากการทำธุรกิจของครอบครัว และยืนยันไม่รู้จักกับนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ โดยวันนี้ได้นำเอกสารเส้นทางการเงินมาชี้แจงกับตำรวจถึงที่มาของเงินที่ได้รับโอน และหลังจากนี้จะกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายมาชี้แจงเพิ่มเติม ยอมรับรู้สึกโล่งใจที่วันนี้พ่อและแม่ได้รับการปล่อยตัว ทางครอบครัวพร้อมต่อสู้คดี ส่วนการยื่นประกันตัวของนายปริญญา เป็นเรื่องของทีมทนายดำเนินการ ขณะที่นายวิสิทธิ์ และนางเลิศฉัตรกมล กล่าวว่า ขอความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวเลย ด้าน พตทสัณห์เพ็ชรกล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายวิสิทธิ์ และนางเลิศฉัตรกมล ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งทั้งคู่ได้ขอกลับไปรวบรวมหลักฐานเส้นทางการเงินต่างๆ ของครอบครัว เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อชี้แจงที่มาของเงินที่นายปริญญาโอนให้ ซึ่งจะต้องมอบให้เจ้าหน้าที่ไม่เกิน 15 วันหลังจากนี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปริญญา จารวิจิต อายุ 37 ปี (ตัวอยู่ในเรือนจำระหว่างฝากขัง), นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงซีรีส์วัยรุ่นชื่อดัง อายุ 27 ปี, นสสุพิชฌาย์ จารวิจิต อายุ 32 ปี ทั้งสามคนเป็นชาว จชลบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและเป็นพี่น้องกัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินตาม พรบป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พศ2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 คำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิย-30 ธค2560 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 6 คนร่วมกันวางแผนและสมคบกันด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หลอกลวงชักชวนให้นายอาร์นี ออตตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด (Expay Software), ร่วมลงทุนประกอบธุรกิจสร้างเงินดิจิตอลสกุลดราก้อน คอยน์ กับบริษัท เอ็นเอ็กซ์ เชน อินคอร์ปอเรเต็ด (NX Chain Inc) และซื้อหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ (2002) จำกัด (มหาชน) จำนวน 500 ล้านหุ้น ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินดิจิตอลสกุลบิตคอยน์ (Bitcoins) จำนวนหลายครั้งเข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่เปิดรองรับไว้ แล้วพวกจำเลยได้นำเงินบิตคอยน์ดังกล่าวไปขายในระบบซื้อขายอินเทอร์เน็ต คิดเป็นเงินจำนวน 797,408,45433 บาท และนำเงินที่ขายได้เข้าบัญชีธนาคารของจำเลยทั้งสามกับพวก ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีการลงทุนทำธุรกิจจริง ขณะที่จำนวนหุ้นของบริษัทดีเอ็นเอที่ผู้เสียหายได้ซื้อไปก็ไม่ได้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อ ซึ่งภายหลังจำเลยทั้งสามกับพวกก็ได้ร่วมกันนำทรัพย์สินดังกล่าวที่ได้จากการกระทำผิดหลายครั้งนั้นไปเปลี่ยนสภาพเพื่อปกปิดแหล่งที่มา โดยเมื่อวันที่ 11 ตค2560 จำเลยทั้งสามได้นำเงิน 20 ล้านบาท โดยนายปริญญา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อและทำนิติกรรมซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 2 งาน 7 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม, วันที่ 12 ตค2560 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 59 ล้านบาทไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 1435 ตารางวา แขวง-เขต ดินแดง กทม, วันที่ 19 ตค2560 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 27,140,000 บาท ไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 1189 ตารางวา ใน จนนทบุรี, วันที่ 29 พย2560 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 18,450,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 1 งาน 23 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม โดยเมื่อวันที่ 6 ตค2560 นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 นำเงิน 43,130,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 80 ตารางวา แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม, วันที่ 6 ธค2560 นสสุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 นำเงิน 85 ล้านบาทไปจดทะเบียนขายฝากที่ดิน 6 แปลง เนื้อที่ 945 ตารางวา แขวงจันทรเกษม, แขวงลาดยาว, แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม เหตุเกิดที่แขวงจันทรเกษม, แขวงลาดยาว, แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา, แขวง-เขตดินแดง แขวง-เขตห้วยขวาง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี, แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม, ตบางกร่าง และ ตสวนใหญ่ อเมือง จนนทบุรี, ตบางพระ และ ตศรีราชา อศรีราชา จชลบุรี โดยเมื่อวันที่ 9 สค2561 เจ้าพนักงานจับกุมสามารถจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 ได้ ส่วน นสสุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 จับกุมได้เมื่อวันที่ 15 สค2561 และจับกุมนายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 1 ตคที่ผ่านมา ในชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ ซึ่งท้ายคำฟ้อง อัยการก็ได้ระบุว่าหากจำเลยทั้งสามขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ก็ให้เป็นดุลพินิจศาลในการสั่งประกันตัวไป ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ฟย50/2561 และนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสามในวันที่ 7 พย เวลา 0900 น โดยในส่วนของนายปริญญา จำเลยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในชั้นฝากขังตั้งแต่วันที่ 12 ตคที่ผ่านมา ศาลก็จะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การตามวัน-เวลาดังกล่าวต่อไป ส่วนนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 กับ นสสุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 ทั้งสองได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นฝากขังเมื่อเดือน สคที่ผ่านมา คนละ 2 ล้านบาท ซึ่งศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-03-02